ด่านเกวียน
The land of Ceramics.     
Amazing Thailand   Award 2537   Otop std. การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โอทอป
 
   
Home | History | Manufacture | Products | Person | Site map | Travel | Help | Forums
   
   
 

 

อำเภอพิมาย

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย

ตั้งอยู่ที่ถนนแห่งสงกรานต์ เชิงสะพานท่าสงกรานต์ ริมแม่น้ำมูล ต.ในเมืองจากตัวจังหวัดนครราชสีมามาใช้ทางหลวงหมายเลข 2 ( นครราชสีมา - ขอนแก่น )ประมาณ 50 กิโลเมตร ถึงบ้านตลาดแค เลี้ยวขวาเข้าเส้นทางสาย 206 อีกประมาณ 10 กิโลเมตรจะพบตัวอาคารพิพิธภัณฑ์อยู่ทางซ้ายมือตัวพิพิธภัณฑ์เริ่มแรกเป็นบริเวณที่ทำการของหน่วยศิลปากรที่ 6 ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2507 กรมศิลกรมศิลปากรทำการขุดแต่งบูรณะปราสาทหินพิมายจึงได้ใช้อาคารนี้เป็นสถาณที่เก็บรักษาโบราณวัตถุที่ได้จากการขุดแต่งและเมื่อมีจำนวนมากขึ้นจึงได้เปิดจัดแสดงในลักษณะของพิพิธภัณฑสถานกลางแจ้งโดยใช้ ชื่อว่า พิพิธภัณฑถานแห่งชาติพิมาย ย้ายไปสังกัด กองพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ในปี พ.ศ.2518โบราณวัตถุจัดแสดงอยู่ในอาคาร 4 หลัง แบ่งเป็น 2 สมัย คือ สมัยก่อนประวัติศาสตร์ อายุประมาณ 2,000 - 2,500 ปี และสมัยประวัติศาสตร์แบ่งออกเป็น 2ช่วง คือ สมัยของศิลปะทวราวดี อายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 12 - 16ของอิทธิพลศิลปะเขมร อายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 12 - 18 ส่วนใหญ่เป็นทับหลังและส่วนประกอบต่างๆ ของโบราณสถานและโดยเฉพาะรูปสลักศิลา พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 มหาราชองค์สุดท้ายแห่งอาณาจักกัมพูชาพบที่ปราสาทหินพิมายซึ่งนับว่าเป็นโบราณวัตถุชั้นเยี่ยมของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร.(044) 471167 อุทยานประวัติศาสตร์พิมายอยู่ห่างจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมายประมาณ 500 เมตรเป็นพุทธสถานในนิกายมหายานที่ตั้งอยู่กลางเมืองพิมาย หรือวิมายะปุระ ซึ่งเป็นเมืองสำคัญเมืองหนึ่งที่อยู่ทางทิศ ตะวันตกเฉียงเหนือของอาณาจักรขอม ปรากฎชื่อเป็นหลักฐานในศิลาจารึก พบในประเทศกำพูชา ตั้งแต่ราวพุทธศตวรรษที่ 12 ( จารึกของพระเจ้าอีสานวรมันเรียก ภีมปุระ ) และในพุทธศตวรรษที่ 18 ( ในจารึกของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7เรียกวิมายปุระ) สันนิษฐานว่าปราสาทหินพิมายอาจจะเริ่มสร้างขึ้นในสมัย พระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 ราวปลายพุทธศตวรรษที่ 16 เพราะได้พบศิลาจารึกที่ปรากฎชื่อพระองค์ ระบุศักราช 1579 และ 1589 รูปแบบศิปกรรมของปราสาทส่วนใหญ่เป็นศิปะเขมรแบบบาปวนต่อนครวัดซึ่งมีอายุในราวต้นพุทธศตวรรษ17 และได้มีการก่อสร้างเพิ่มเติมอีก ในสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ราวต้นพุทธศตวรรษที่ 18 ( พ.ศ.1724 - 1763 ) เป็นปราสาทที่ขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและสร้างขึ้นก่อนปราสาทนครวัดในประเทศกัมพูชาตัวปราสาทหินพิมายหันหน้าไปทางทิศใต้อันเป็นทิศที่ตั้งของเมืองพระมหานคร ซึ่งเป็นเมืองหลวงของแห่งราชอณาจักขอม แผนผังของปราสาทหินพิมายแบ่งเป็นสัดส่วนได้ 3ส่วนด้วยกันส่วนในคือลานชั้นในล้อมรอบด้วยระเบียงคต มีปรางค์ประธานสร้างด้วยหินทรายสีขาวตั้งอยู่กลางลานองค์ปรางค์มีผนังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสย่อมุมไม้สิบสองหลังคา ย่อเป็นชั้นๆ ลดหลั่นขึ้นไปเป็นทรงพุ่มด้านหน้าขององค์ปรางค์เชื่อมต่อกับห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้า ( มณฑป ) ที่ส่วนประกอบต่างๆเช่น หน้าบันทับหลังเสา ฯลฯ มีการแกะสลักงดงามที่หน้าบันและทับหลังส่วนใหญ่ สลักเป็นภาพเล่าเรื่องรามยาณะ ( รามาวตาร ) และกฤษณาวตาร หน้าบันด้านหน้าสลักเป็นภาพศิวนาฏราช ส่วนหลังของประตูห้องชั้นในภายในห้องปรางค์ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญสุดเป็นภาพทางคติพุทธศาสนนิกายมหายานนอกจากปรางค์ ประธานแล้วภายในลานชั้นในยังประกอบไปด้วยอาคาร 3 หลังอยู่ทางด้านหน้าของปรางค์ประธานทางมุม ทิศตะวันตกเฉียงใต้มีอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ก่อด้วยหินทรายและศิลาแลงเดิมเรียกกันว่า " หอพราหมณ์ " เพราะเคยคุดค้นพบศิวลึงค์ขนาดย่อมอยู่ ภายใน แต่ดูจากลักษณะแผนผังแล้ว อาคารหลังนี้หน้าจะเป็นบรรณาลัย หรือที่เก็บคัมภีร์ทางศาสนา ทางด้านหน้าของบรรณาลัยมีอาคาร ก่อด้วยหินทรายสีแดงที่เรียกกันว่า " ปรางค์หินแดง " อาคารทั้งสองหลังนี้น่าจะสร้างขึ้นภายหลังปรางค์ประธานอาจอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 18 ร่วมสมัยกับปรางค์อีกองค์หนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่คู่กับปรางค์หินแดงเรียกกันว่า " ปรางค์พรหมหัต " ปรางค์องค์นี้ สร้างด้วยศิลาแลงมีส่วนประกอบเป็นหินทรายในปรางค์พรหมทัตนี้ ได้พบปฏิมากรรมรูปบุคคลขนาดใหญ่นั่งขัดสมาธิ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นพระรูปเหมือนพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 และปฏิมากรรมสตรี นั่งคุกเข่าสลักด้วยหินทรายเช่นกันจึงหน้าจะเป็นพระนางชัยราชเทวีมเหสีของพระองค์ถัดออกมาเป็นส่วนที่เรียกว่า ลานชั้นนอกล้อมรอบด้วยกำแพงอีกชั้นหนึ่ง ลานชั้นนี้ประกอบด้วยอาคารที่เรียกว่า บรรณาลัย 2 หลัง ตั้งอยู่คู่กันทางด้านทิศตะวันตก และมีสระน้ำอยู่ที่มุมทั้ง 4มุมละ 1 สระเป็นสระที่ขุดขึ้นมาภายหลังคงจะเป็นสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายนอกกำแพงชั้นนอกทางด้านหน้าเป็นทางเดินเข้าสู่ปราสาท มีสะพานนาคราชและประติมากรรมรูปสิงห์สลักด้วยหินทรายตั้งประดับอยู่ด้านซ้ายมือของทางเดินเข้าสู่ปราสาทมีอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า เรียกกันว่า " ธรรมศาลา " ได้พบทับหลัง สลักภาพบุคคลทำพิธีมอบม้าแก่พราหมณ์และภาพเทวดีประทับเหนือ หน้ากาลที่คายพวงมาลัยออกมา ทั้ง 2 ข้าง ทับหลังทั้งสองชิ้นนี้มีลักษณะศิลปะแบบที่นิยมกันในราวพุทธศตวรรษที่ 17 ถัดจากกำแพงชั้นนอกของปราสาทออกไปยังมีกำแพงเมืองล้อมอยู่อีกชั้นหนึ่ง กำแพงเหล่านี้มีซุ้มประตูอยู่ทุก ด้าน มีหลักฐานว่าว่าสร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 18 ปัจจุบันยังมีให้เห็นได้ชัดเจนทางด้าน ทิศใต้หรือด้านหน้าจากประตูเมืองด้านหน้าออกไปทางทิศใต้ที่ริมฝั่งลำน้ำเค็มมีพลับพลา ท่าน้ำสร้างด้วยศิลาแลงร่วมสมัยกันกับกำแพงเมืองเรียกกันในปัจจุบันว่า " ท่านางสระผม "

" กุฏิฤาษี " ตั้งอยู่ริมทางหลวงสายพิมาย - หินดาดระหว่างประตู เมืองท่านางสระผม แผนผังและลักษณะของสิ่งก่อสร้างประกอบด้วยปรางค์ประธานสร้างด้วยศิลาแลงและหินทรายอยู่กลางวงล้อมของกำแพงแลง ด้านหน้าทางมุมขวาของปรางค์มีอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสร้างด้วยศิลาแลง และมีสระน้ำกรุด้วยศิลาแลงอยู่นอกกำแพง1 สระ แสดงว่าโบราณสถานแห่งนี้ คือ อโรคยาศาลหรือสถานพยาบาลที่สร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 18 ระหว่างการขุดแต่งบูรณะยังได้พบ ประติมากรรมหินทรายรูป วัชรสัตว์ หรือวัชรธร ซึ่งเป็นรูปเคารพสำคัญของพุทธศตวรรษ ลัทธิมหายาน มีอายุอยู่ในพุทธศตวรรษที่ 18 ด้วย 1 องค์ นอกจากนั้นยังเคยพบศิลาจารึกระบุถึงการสร้างอโรคยาศาล 1 หลัก นอกจากเมืองพิมายเมื่อนานมาแล้ว แต่ไม่ได้ระบุว่าพบมาจากที่ใดเข้าใจว่าคงจะเป็นจารึกประจำอโรคยาศาลแห่งนี้นั่นเองกรมศิลปากรโดยศาสตราจารย์หม่อมเจ้ายาใจ จิตรพงษ์ และนายแบร์นาร์ด ฟิลิป โกรซ์ลิเย่ ผู้เชี่ยวชาญชาวฝรั่งเศสได้ร่วมกันดำเนินการบูรณะซ่อมแซมตัวปราสาทและองค์ปรางค์ประธานเป็นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. 2507และแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2511 ตามวิธีการแบบอนัสติโลซิส คือ การรื้อตัวปราสาทเดิมออกและทำเครื่องหมายที่หินแต่ละก้อนไว้จากนั้นเสริมรากฐานของตัวอาคารให้มั่นคงแล้วจึงนำชิ้นส่วนต่าง ๆ มาประกอบเข้ากันให้คงรูปแบบของเดิม และได้ทำการบูรณะอีกครั้งหนึ่งในระหว่างปี พ.ศ.2524-2532 โดยดำเนินการบูรณะสะพานนาคราช พลับพลาทางเดิน ระเบียงคตซุ้มโคปุระ ประตูเมืองพิมาย บรรณาลัยธรรมศาลา ท่านางสระผม ขุดลอกสระช่องแมว และบูรณะกุฏิฤาษี เป็นต้น ปัจจุบันอุทยานประวัติศาสตร์พิมายมีเนื้อที่ประมาณ 240 ไร่ เฉพาะเมืองพิมายมีลักษณะเป็นรูปสีเหลี่ยมผืนผ้ากว้าง 565 เมตรยาว 1,030 เมตร และทำพิธีเปิดอุทยานประวัติศาสตร์พิมาย เมื่อวันที่ 12 เมษายน2532 โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จมาเป็น องค์ประธาน เปิดให้เข้าชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น.

ไทรงาม

เป็นสถานที่พักผ่อนซึ่งอยู่บนฝั่งแม่น้ำมูลในเขตอำเภอพิมาย ห่างจากที่ว่าการอำเภอ 2 กิโลเมตรและอยู่ก่อนถึงอุทยานประวัติศาสตร์พิมายประมาณ 1 กิโลเมตร บริเวณโดยรอบร่มรื่นด้วยต้นไทรที่แผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุมพื้นที่ประมาณ15,000 ตารางฟุต มีสระน้ำอยู่ทางด้านหน้าให้ความรู้สึกสดชื่นในขณะพักผ่อนภายในบริเวณไทรงามมีม้านั่งและร้านจำหน่ายเครื่องดื่มบริการโดยเฉพาะผัดหมี่ พิมายที่มีรสอร่อยไม้แพ้ก๋วยเตี๋ยวจันทบุรีไทรงามแห่งนี้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันมานานตั้งแต่คราวสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถเสด็จประพาสเมืองพิมาย เมื่อ พ.ศ. 2454

   
 

Cast Stone Garden

The Dan Kwian products become one of the major export goods from Korat, Thailand.
copyright © 1999 - 2021 DanKwian.com : The Land of Ceramics.